คุณอาจจะเคยได้ยินแฟนพันธุ์แท้เค้าเล่ามาบางว่า Macbook นั้นทำงานดีมากสะดวกมาก ถ้ามี iPhone หรือ iPad นี่ยิ่งสะดวก ถ้าใช้ทุกอย่างเป็นระบบไร้สาย หูฟัง แป้นพิมพ์ เม้าค์ ส่งข้อมูลง่ายและเร็ว ทำงานหลายอย่างจะง่ายขึ้น อีกข้อดีคือ Macbook นั้นขึ้นชื่อเรื่องซอฟท์แวร์ที่เสถียรมาก ไม่มีงอแง ไม่ต้องไปปวดหัวเรื่องไวรัสและมัลแวร์เหมือนแล็ปท็อปที่ใช้ Windows ด้านฮาร์ดแวร์แม็คก็ยังขึ้นชื่อเรื่องความอึดและทนมาก ปกติจะใช้ได้นานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป บางคนที่เคยเจอใช้กันเกือบ 10 ปียังไม่พังเลย แต่อัพเดทแล้วเครื่องช้าลง ค่อย ๆ ใช้งานอะไรไม่ได้ในที่สุด แต่โน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์จาก Apple ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี ข้อเสียก็มีอยู่เหมือนกัน บทความนี้ขอเล่าข้อเสียที่คุณควรรู้ไว้ อันนี้ก็เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะยอดควักเงินหลายหมื่นบาทเพื่อซื้อมันมา
แพงมาก!
แต่ข้อเสียอันดับ 1 ของ Macbook ก็คือ ราคาแพง ขั่นต่ำที่คุณต้องจ่ายเพื่อซื้อรุ่นราคาเริ่มต้นก็สัก 25,000-30,000 บาท++ เป็นต้นไป ซึ่งนี่ถือว่าราคาถือว่าถูกลงมากแล้ว เป็นเจ้าของได้ง่ายมากกว่าเมื่อก่อน Macbook M1 ราคาเอื้อมถึงง่ายขึ้น แต่ถ้าอยากได้รุ่นที่สเปคแรงมาก ๆ อย่าง Macbook Pro ก็ต้องยอมจ่ายแพงขึ้นไปอีก มีเงินเฉียด 4-5 หมื่นบาท หรือไปจนถึงเกือบแสนบาทเลยทีเดียว หากต้องการปลดล็อกฟีเจอร์และใช้งานแบบลื่นไหล จำเป็นต้องใช้บริการของ Apple ด้วย แถมบางครั้งอาจต้องซื้ออุปกรณ์ iDevice เพิ่มอีก อย่าง iPhone และก็ iPad เพื่อความสะดวกในการทำงานมากขึ้น หรืออยากฟังเพลงไร้รอยต่อต้องใช้ AirPods + Apple Music ทุกอย่าง เป็น Ecosystem เดียวกันหมด ใช้แล้วอุปกรณ์งอกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้น สำหรับคนงบน้อยไม่แนะนำเลย ไปโน๊ตบุ๊คฝั่ง Windows จะดีกว่า คุณอาจจะได้พวกโน๊ตบุ๊ค Asus, Acer, Dell, HP ในราคาประหยัดราคา 15,000 บาท สเปคอาจจะต่ำกว่าแต่ก็ใช้งานทำงานได้เหมือนกัน โน๊ตบุ๊ค Gaming ราคาสัก 30,000 บาทนี่เล่นเกมสบายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำงานด้านกราฟฟิก งาน 3D งานตัดต่อวิดีโอ โปรแกรมเมอร์ที่ต้องรันโค้ดทดสอบโปรแกรม โน๊ตบุ๊คหรือ PC แบบจัดสเปกเองฝั่ง Windows ราคาจะถูกกว่า Mac ถ้าเทียบสเปคระดับเดียวกัน

MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว / Core i5 Quad-core / 512GB
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูง
แม้ว่าจะทน แต่ Mac ก็เจ๊งได้นะ และถ้าคุณโชคร้าย เครื่องเสียขึ้นมา ต้องส่งซ่อมศูนย์ของแอปเปิ้ลเท่านั้น มีประกันก็โชคดีไป (ประกันก็แพง) แต่ถ้าไม่มีก็จะต้องเจอกับค่าซ่อมกับค่าอะไหล่ที่แพงมาก ๆ แบตเตอรี่ลูกละ 8 พันบาท อะไรอย่างนี้เป็นต้น อะไหล่ชิ้นส่วนของ Macbook หาซื้อทั่วไปตามท้องตลาดไม่ได้ ทาง Apple เลย จะ Lock ให้ใช้อะไหล่ของตัวเองเท่านั้น ถ้าทางศูนย์ไม่มี ก็จะต้องรออะไหล่ อาจต้องรอซ่อมนานมาก บางทีอาจต้องเป็นเดือนเลยกว่าจะได้กลับ ถ้าคิดจะหาช่างภายนอกมาซ่อมเอง ดัดแปลงเอง แบบหมดประกันแล้ว ไม่สนใจอะไรแล้ว ส่งร้านนอก อาจจะหาอะไหล่ข้างนอกแบบมือสองได้ แต่ก็มีปัญหาเรื่องคุณภาพอยู่ ไม่เหมือนของศูนย์อยู่ดี แล้วก็บอกเลย หาช่างเก่ง ๆ ซ่อมยากอยู่ดี ในทางตรงกันข้าม โน๊ตบุ๊คยี่ห้ออื่นซ่อมได้ถูกกว่ามาก หาชิ้นส่วมมาเปลี่ยนได้ราคาถูกกว่าแทบทุกอย่าง และหาอะไหล่ได้อิสระกว่ามาก เพราะส่วนมากใช้ของที่มันเป็นมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นแรม ฮาร์ดไดรว์ เมนบอร์ด หรือแม้แต่ซีพียู เป็นต้น
รุ่นใหม่ ๆ บอบบางลง
Macbook รุ่นเก่าถึกทนอึด แต่รุ่นหลัง ๆ รู้สึกว่ามันบอบบางลง อาจจะด้วยความต้องการที่จะทำให้มันเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักที่เบาลง พกพาง่ายขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ว่าอายุการใช้งานก็จะไม่ทนเหมือนเมื่อก่อน ตกแล้วบุบง่าย (โดยเฉพาะ Macbook Air) ใช้ ๆ ไป ถ้าโชคร้ายเครื่องเสีย ต้องส่งซ่อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิบ ทำให้บางคนรู้สึกว่า อายุการใช้งานสั้นจนน่าตกใจ ไม่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายหลายหมื่นบาทก็เป็นได้ ไม่ทนเหมือนรุ่นก่อน ๆ นอกจากนั้น ก็มีข้อเสียด้านคุณภาพของ Hardware ต้องดูเป็นรุ่น ๆ ไป แต่ละรุ่นมีปัญหาไม่เหมือนกัน
ปัญหา Compatible ระหว่าง Mac กับ Windows ปัญหาจุกจิกเยอะมาก
ปัญหาอีกอย่างก็คือเรื่องของโปรแกรมที่เป็นที่นิยมหรือจำเป็นในการทำงานบางที Mac มันไม่มี ไม่รองรับ ปัญหาเยอะ โดยเฉพาะถ้าเอา Macbook มาทำงานเอกสารที่เป็นตระกูล Microsoft อย่าง Office 365 ทำงานร่วมกับคนอื่นลำบาก คนอื่นเค้าเป็น Windows กันหมด ต่อให้เราซื้อ License แท้ก็ตาม เวลาเอาไฟล์เอกสารจากวินโดวส์มาเปิดใน Mac ก็มีปัญหา Font การจัดหน้า ตัวหนังสือเพี้ยน เคลื่อนผิดตำแหน่งไปหมด เวลาเอาไฟล์จาก Mac เปิดเครื่องวินโดวส์กลับไม่เพี้ยน งานเอกสารเหมือนเค้าอยากให้ใช้ iWork แทน Office ของ Microsoft ด้วยซ้ำ อีกอย่างพวก Zip file ที่ชื่อเป็นภาษาไทย แล้วส่งไปเครื่องอื่นที่ใช้ Windows ชื่อไฟล์จะเพี้ยนเป็นภาษาต่างดาว ต้องหาวิธีแก้กันไป (แต่ถ้าอีกฝั่งใช้ Windows ใหม่ ๆ ที่ได้รับการอัพเกรด จะไม่ค่อยเป็นแล้ว)
อีกปัญหาด้านซอฟท์แวร์ของ Macbook ก็คือ หลายแอพหรือโปรแกรมในเครื่องที่ต้องการอัพเดทตลอด แต่พอใช้งานไปเรื่อย ๆ หลายปีหน่อย จนเครื่องนั้นเริ่มตกรุ่น MacOS จะไม่ได้รับการ Support จากทาง Apple อีก จะอัพเดท OS อะไรไม่ได้เลย พวกแอพเหล่านั้นก็จะอัพเดทไม่ได้ตามไปด้วย ผลก็คือทำให้เราต้องใช้แอพเวอร์ชั่นเก่า ๆ นั้นต่อไป ทั้งที่หลายฟีเจอร์ไม่ทำงานแล้ว เครื่องก็จะค่อยรวนทำงานไม่ได้ดีอย่างเก่า รวมถึงก็ต้องเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยด้วย นี่ไม่ต้องพูดถึงการลงแอพใหม่ หมดสิทธิ์เลย คล้ายไอโฟนและก็ไอแพดรุ่นเก่า ทั้งที่สภาพฮาร์ดแวร์ยังสมบูรณ์ไม่มีอะไรเสีย สุดท้ายทนใช้ต่อไปไม่ไหว จนต้องเปลี่ยนเครื่อง ต้องซื้อใหม่ในที่สุด
Upgrade ยากกว่า
คนที่เคยใช้โน๊ตบุ๊ค Windows จะทราบดีว่าเราสามารถ Upgrade ส่วนของฮาร์ดแวร์ของมันได้ถ้าอยากให้เครื่องทำงานแรงขึ้น แต่สำหรับ Macbook นั้นอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนฝั่งวินโดวส์ ถ้าจะไม่ผิดตั้งแต่รุ่น 2017 เป็นต้นไป Macbook จะ upgrade เองยากมาก เพราะต้องใช้ SSD เฉพาะรุ่นและต้องสั่งจากต่างประเทศ ส่วน RAM ก็เป็นแบบ Onboard จะทำอะไรกับมันก็ไม่ได้เลย ยิ่งรุ่นใหม่ ๆ นี่ยิ่งยากเข้าไปอีก ตั้งแต่ Macbook M1 การจะ Upgrade Hardware เองแทบเป็นไปไม่ได้ ชิ้นส่วนภายในไม่ได้เหมือน PC (Storage, Memory, GPU) อีกต่อไปแล้ว ซื้อแล้วซื้อเลย แรมหรือความจุน้อยไป ก็ใช้แบบนั้นยาว ๆ ได้แค่ไหนแค่นั้น ปัญหาคือถ้าอนาคตเครื่องเราจำเป็นต้องใช้โปรแกรมที่กินสเปคสูงกว่านี้ ก็ต้องแก้ปัญหาโดยการซื้อเครื่องใหม่อีก อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการ Upgrade กันจริง ๆ ก็พอมีทาง แต่ต้องทำตั้งแต่ซื้อมาแต่แรกเลย นั่นคือ การ Upgrade บริการผ่าน CTO ของ Apple (Custom-to-Order สั่งสเปค Macbook ได้ตามต้องการบนหน้าเว็บของ Apple) ช่องทางเดียว ต้องรอเครื่องนานสักหน่อย จ่ายเงินแพงขึ้นกว่าปกติ แต่ก็ได้สเปคเครื่องแรงสะใจตามต้องการ
ไฟโลโก้ Apple ฝาหลังที่หายไป
ข้อเสียที่ดูเหมือนจะเล็กน้อย แต่แอบประทบใจแฟน ๆ หลายคน นั่นก็คือเรื่อง Logo ของ Apple บนฝาจอเครื่องของ Macbook ที่รุ่นใหม่ ไฟหายไปแล้ว ทำให้หลายคนรู้สึกว่า เอกลักษณ์ความเป็นแม็คได้หายไปด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับคนรุ่นใหม่ เรื่องนี้อาจจะรู้สึกเฉย ๆ ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย
Macbook ไม่เหมาะกับการใช้เล่นเกม
เอาจริง ๆ คนซื้อ Mac มาใช้นั้น เค้าไม่เล่นเกมอยู่แล้ว เหมาะกับคนที่เอาไว้ใช้ทำงานอย่างเดียว ถ้างานด้านกราฟฟิกหรืองานตัดต่อหรือคนใช้งานทั่วไปที่ไม่ชอบปรับอะไรเยอะนี่สบาย ๆ เลย ซึ่งไม่เหมาะกับเกมเมอร์จริงจัง นั่นก็เพราะ เราจะหาเกมที่ support หรือเกมดีมาเล่นกับ Mac นั้นยาก และก็มีน้อยกว่าโน๊ตบุ๊คหรือ PC ฝั่ง Windows มาก เกมดี ๆ ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเป็นเกมที่ต้องใช้สเปคสูง ใช้การ์ดจอ แมคไม่ค่อยตอบโจทย์ แต่ถถ้าจะเล่นก็เล่นได้ใน Stream ซึ่งเอาจริง ๆ ก็เล่นได้เป็นบางเกมเท่านั้น ต้องดูที่ spec ว่ารองรับ macOs ไหมด้วย แต่ถึงเล่นได้ก็จะมีปัญหาหลายอย่าง เช่น เรื่องความร้อนบ้าง กระตุกบ้าง จนกระทั่งตอนมี Mabook M1 ชิปที่ว่าแรงสุด ๆ บางคนก็ยังลง Bluestack ไม่ผ่าน เกมบางเกมไม่รองรับ M1 ด้วย ต้องรันผ่าน Rosetta 2 (แน่นอนประสิทธิภาพย่อมลดลง) ถ้าเรื่องเกมส์ ดูเหมือนจะเล่นใน iPad จะดีกว่าด้วยซ้ำ (เกมมือถือ)
Macbook มี Port ให้ใช้น้อย
อีกปัญหาที่มีเสียงบ่นกัน นั่นก็คือพอร์ตที่เอาไว้ต่อพ่วงกับอุปกรณ์อื่น ๆ จะน้อย โดยเฉพาะพอร์ต USB-C ที่สำคัญมาก ๆ ในการใช้งาน แต่ Macbook รุ่นใหม่ ๆ ให้ USB-C มาแค่ 2 ช่องเอง จะใช้งานอะไรก็จำกัดไปหมด สาเหตุก็เป็นไปได้ว่าทาง Apple เค้าอยากให้เราเชื่อมต่ออุปกรณ์ด้วย Wireless ไม่ต้องต่อสายอะไรให้มากมาย แต่อย่างว่าล่ะ User หลายคนก็ยังมีความจำเป็นต้องหรือไม่ก็สะดวกใจที่เสียบซะมากกว่า ทางออกสุดท้ายคุณก็อาจจะต้องใช้อุปกรณ์ขยายพอร์ตอย่าง USB Hub เพิ่มช่องเสียบให้เป็นหลายช่อง แม้ว่าจะไม่มียี่ห้อของ Apple เอง แต่ก็มียี่ห้ออื่นที่เค้าทำขาย เพราะมันเป็นพอร์ต USB-C ที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว พวก Hub พวกนี้ก็หาซื้อได้ทั่วไปง่าย ๆ ตามออนไลน์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น