การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยความเรียบง่ายและประโยชน์มากมายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและหลอดเลือด การควบคุมน้ำหนัก การลดความเครียด และการเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง การวิ่งจึงเป็นกิจกรรมที่ตอบโจทย์ผู้คนในทุกเพศทุกวัย
สำหรับนักวิ่งแล้ว อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ “รองเท้าวิ่ง” รองเท้าวิ่งที่ดีจะช่วยรองรับแรงกระแทก ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และเสริมประสิทธิภาพในการวิ่งให้ดียิ่งขึ้น ในตลาดรองเท้าวิ่งปัจจุบัน มีแบรนด์มากมายให้เลือก แต่หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากนักวิ่งทั่วโลกมาอย่างยาวนานคือ “Asics”
Asics เป็นแบรนด์รองเท้ากีฬาจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาในทุกระดับ ตั้งแต่นักวิ่งมือใหม่ไปจนถึงนักวิ่งมืออาชีพ Asics มีรองเท้าวิ่งหลากหลายรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการวิ่งในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งระยะสั้น วิ่งระยะไกล วิ่งบนถนน หรือวิ่งเทรล
การเลือกรองเท้าวิ่ง Asics ให้เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะรองเท้าแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น บางรุ่นเน้นความนุ่มสบายสำหรับการวิ่งระยะไกล บางรุ่นเน้นความกระชับและตอบสนองสำหรับการวิ่งเร็ว หรือบางรุ่นออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ที่มีลักษณะเท้าเฉพาะ เช่น เท้าแบนหรือเท้าโก่ง การเลือกรองเท้าที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือประสิทธิภาพในการวิ่งลดลงได้
บทความนี้ ผมจะพาคุณไปทำความรู้จักกับรองเท้าวิ่ง Asics ในรุ่นต่างๆ โดยจะเจาะลึกถึงคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อเป็นแนวทางให้คุณสามารถเลือกรองเท้าวิ่ง Asics ที่ใช่ และตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งมือใหม่ที่กำลังมองหารองเท้าคู่แรก หรือนักวิ่งที่มีประสบการณ์ที่ต้องการอัพเกรดรองเท้าคู่ใหม่ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรองเท้าวิ่ง Asics ได้ง่ายขึ้นนะครับ
เจาะลึกเทคโนโลยีและวัสดุ เบื้องหลังความสบายและประสิทธิภาพของ Asics
ในหัวข้อนี้ ผมจะพาคุณไปเจาะลึกเทคโนโลยีและวัสดุที่ Asics นำมาใช้ในการผลิตรองเท้าวิ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสบาย ประสิทธิภาพ และความทนทานของรองเท้า
Asics มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีรองเท้าวิ่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีเทคโนโลยีเด่นๆ เช่น GEL cushioning ซึ่งเป็นวัสดุซิลิโคนที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มสบายขณะวิ่ง เทคโนโลยีนี้มักจะถูกนำมาใช้ในบริเวณส้นเท้าและปลายเท้า เพื่อลดแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับข้อต่อต่างๆ เช่น ข้อเท้าและเข่า
นอกจาก GEL cushioning แล้ว Asics ยังมีเทคโนโลยี FlyteFoam ซึ่งเป็นโฟมที่มีน้ำหนักเบาและมีความทนทานสูง ช่วยเพิ่มการตอบสนองและความกระชับขณะวิ่ง FlyteFoam มีหลายรูปแบบ เช่น FlyteFoam Propel ที่เน้นการส่งแรงคืน และ FlyteFoam Blast ที่เน้นความนุ่มเด้ง ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในรองเท้ารุ่นต่างๆ ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
ในส่วนของพื้นรองเท้า Asics มักจะใช้ AHAR (Asics High Abrasion Rubber) ซึ่งเป็นยางที่มีความทนทานต่อการสึกหรอสูง ช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้า นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Guidance Line ซึ่งเป็นร่องที่พื้นรองเท้าที่ช่วยนำทางการเคลื่อนไหวของเท้าให้เป็นธรรมชาติ และ Trusstic System ซึ่งเป็นชิ้นส่วนพลาสติกที่อยู่บริเวณกลางเท้า ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดการบิดตัวของรองเท้า
การเลือกใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่เหมาะสม มีส่วนสำคัญในการสร้างรองเท้าวิ่งที่มีประสิทธิภาพ Asics ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้รองเท้าวิ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักวิ่งในระดับต่างๆ ได้อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งมือใหม่ที่ต้องการความสบายและการรองรับแรงกระแทก หรือนักวิ่งมืออาชีพที่ต้องการความเร็วและการตอบสนอง
ยกตัวอย่างเช่น ในรุ่น Nimbus ที่เน้นความนุ่มสบายสำหรับการวิ่งระยะไกล จะมีการใช้ GEL cushioning ในปริมาณมากบริเวณส้นเท้าและปลายเท้า ร่วมกับ FlyteFoam ที่นุ่มเด้ง เพื่อให้ความรู้สึกนุ่มสบายและลดแรงกระแทก ในขณะที่รุ่น Metaspeed ที่เน้นความเร็ว จะใช้ FlyteFoam ที่มีความกระชับและตอบสนองสูง ร่วมกับแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง
การทำความเข้าใจเทคโนโลยีและวัสดุที่ใช้ในรองเท้า Asics จะช่วยให้คุณเลือกซื้อรองเท้าที่เหมาะสมกับความต้องการและสไตล์การวิ่งของคุณได้ดียิ่งขึ้น ผมแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ของ Asics ก่อนตัดสินใจซื้อรองเท้า เพื่อให้คุณได้รับรองเท้าที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด
Asics สำหรับนักวิ่งมือใหม่ Novablast, Nimbus หรือรุ่นอื่น?
สำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งคู่แรก ผมเข้าใจดีว่าคุณอาจจะรู้สึกสับสนกับตัวเลือกมากมายในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์ Asics ที่มีรองเท้ารุ่นต่างๆ มากมายให้เลือกสรร ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ในส่วนนี้ ผมจะมาแนะนำรองเท้า Asics ที่เหมาะสำหรับนักวิ่งมือใหม่ โดยอิงจากข้อมูลที่ได้จากการพูดคุยและรีวิวจากนักวิ่งท่านอื่นๆ ในโซเชียลมีเดีย
จากการสอบถามความคิดเห็นของนักวิ่งหลายท่านในเว็บบอร์ดต่างประเทศ พบว่า Novablast เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักวิ่งมือใหม่ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องความอเนกประสงค์และความทนทาน Novablast สามารถรองรับการวิ่งในระยะทางต่างๆ ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนลู่หรือวิ่งกลางแจ้ง ทำให้เป็นรองเท้าที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งและต้องการรองเท้าเพียงคู่เดียว นอกจากนี้ Novablast ยังมีความนุ่มสบายในระดับที่เหมาะสม ทำให้คุณรู้สึกสบายเท้าขณะวิ่ง และลดโอกาสการบาดเจ็บจากการกระแทก
อย่างไรก็ตาม มีนักวิ่งบางท่านแนะนำ Puma Velocity Nitro 2 หรือ 3 ว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานและสามารถใช้วิ่งเทรลได้ ทำให้เป็นรองเท้าที่เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน นอกจากนี้ Puma Velocity Nitro มักจะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่มีงบประมาณจำกัด
นอกจาก Novablast และ Puma Velocity Nitro แล้ว ยังมีรองเท้าวิ่งอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันที่น่าสนใจ เช่น Nike Pegasus, Saucony Ride และ Brooks Ghost ซึ่งรองเท้าเหล่านี้ก็มีคุณสมบัติที่ดีและเหมาะสำหรับนักวิ่งมือใหม่เช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับรูปเท้าและสไตล์การวิ่งของคุณ ผมขอแนะนำให้คุณไปลองสวมรองเท้าที่ร้านขายอุปกรณ์วิ่ง เพื่อหารองเท้าที่ใส่สบายและรู้สึกดีที่สุดขณะวิ่ง
มีผู้ให้ความเห็นว่า Brooks Adrenaline และ Glycerin GTS เป็นรองเท้าที่เหมาะสำหรับมือใหม่เช่นกัน เพราะมีความสบาย ทนทาน และใช้งานง่าย รองเท้าเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รองรับการวิ่งในระยะทางต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บจากการวิ่ง
สิ่งสำคัญที่คุณควรคำนึงถึงคือ ไม่ควรใช้รองเท้าวิ่งสำหรับยกเวทในยิม เพราะจะทำให้รองเท้าเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เท้าและข้อเท้าได้ เนื่องจากรองเท้าวิ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกในแนวดิ่ง แต่การยกเวทจะสร้างแรงกดในแนวอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้รองเท้าเสียรูปทรงและสูญเสียประสิทธิภาพได้ ผมแนะนำให้คุณใช้รองเท้าพื้นเรียบ เช่น Vans หรือ Converse สำหรับการยกเวท
เปรียบเทียบ Adidas Evo SL และ Asics Superblast 2 เลือกรุ่นไหนดี?
ในส่วนนี้ ผมจะมาเปรียบเทียบรองเท้าวิ่งสองรุ่นที่ได้รับความนิยม คือ Adidas Evo SL และ Asics Superblast 2 โดยอิงจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้ทดลองวิ่งด้วยรองเท้าทั้งสองรุ่น
ผู้ที่ได้ทดลองวิ่งด้วยรองเท้าทั้งสองรุ่นให้ข้อมูลว่า Adidas Evo SL ให้ความรู้สึกเบาและสนุกขณะวิ่ง แต่ในเรื่องความมั่นคง Asics Superblast 2 ทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเลี้ยว Evo SL เหมาะสำหรับการวิ่งในความเร็วต่างๆ แต่ไม่เหมาะกับการวิ่งเร็วต่อเนื่อง ในขณะที่ Superblast 2 เหมาะสำหรับการวิ่งระยะไกลและการวิ่งในความเร็วคงที่
ในเรื่องของขนาดและความพอดี ผู้ทดลองพบว่า Adidas Evo SL ต้องลดไซส์ลง 0.5 ซึ่งผิดปกติสำหรับเขา ในขณะที่ Asics Superblast 2 ใส่พอดีเหมือนรุ่นก่อน (SB1)
จากข้อมูลนี้ ผมสรุปได้ว่า Adidas Evo SL เหมาะสำหรับผู้ที่มีรองเท้าวิ่งระยะไกลอยู่แล้ว หรือวิ่งไม่เกิน 2 ชั่วโมง และต้องการรองเท้าวิ่งประจำวัน ในขณะที่ Asics Superblast 2 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรองเท้าอเนกประสงค์ และวิ่งระยะไกลมากกว่า 2 ชั่วโมง
มีผู้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า รองเท้าวิ่งอเนกประสงค์อื่นๆ เช่น NB5, Adidas SL, Mach 6 และ Peg Plus ก็สามารถใช้สำหรับการวิ่งในรูปแบบต่างๆ ได้เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในปัจจุบันมีรองเท้าวิ่งที่หลากหลายและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักวิ่งได้หลากหลายมากขึ้น
มีการเปรียบเทียบ Adidas Evo SL กับ Puma DN2 โดยผู้ทดลองให้ความเห็นว่า Evo SL ให้ความรู้สึกนุ่มและสูงกว่า แต่ DN2 เหมาะสำหรับการวิ่งเร็วมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงปัญหาเรื่องขนาดของ Adidas ที่ไม่แน่นอน ทำให้ต้องลองสวมก่อนซื้อทุกครั้ง
ผู้ทดลองบางคนชอบ Adidas Evo SL มากกว่า Asics Superblast 2 เพราะให้ความรู้สึกสนุกและเบากว่า ในขณะที่บางคนพบว่า Superblast 2 ให้ความรู้สึกใหญ่และเทอะทะ นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่พบปัญหาเกี่ยวกับส่วนบนของ Superblast 2 ที่ทำให้เท้าเจ็บ
มีการพูดถึงความแตกต่างของความรู้สึกระหว่าง Evo SL และ Superblast 2 โดย Evo SL ให้ความรู้สึกนุ่มและเด้งกว่า ในขณะที่ Superblast 2 ให้ความรู้สึกมั่นคงกว่า
ประสบการณ์จากผู้ใช้จริงของ Asics รุ่นต่างๆ ในการใช้งานจริง
ในส่วนนี้ ผมจะนำเสนอประสบการณ์การใช้งานรองเท้า Asics รุ่นต่างๆ จากผู้ใช้จริงในเว็บบอร์ดต่างประเทศ เพื่อให้คุณได้เห็นภาพการใช้งานจริงและประกอบการตัดสินใจ
- มีผู้ใช้สอบถามเกี่ยวกับการเปรียบเทียบขนาดระหว่าง Superblast 2 และ Metaspeed Paris และมีผู้ใช้ที่เคยใช้ NB4 และ NB3 LE มาแบ่งปันประสบการณ์ โดยให้ข้อมูลว่า NB4 และ NB3 LE มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน
- มีผู้ใช้ที่เคยประสบปัญหาความไม่สบายเท้าเมื่อใช้ Magic Speed และ Metaspeed Edge โดยเฉพาะอาการเจ็บหน้าแข้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่เขาไม่เคยเจอเมื่อใช้รองเท้าวิ่งจากแบรนด์อื่น
- มีผู้ใช้ที่รู้สึกดีขึ้นหลังจากปรับเชือกรองเท้า Superblast 2 ให้แน่นขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปรับเชือกรองเท้าให้พอดีกับเท้าเป็นสิ่งสำคัญ
- มีผู้ใช้สอบถามเกี่ยวกับขนาดของ Noosa Tri 16 และมีผู้แนะนำให้ลองเพิ่มไซส์ หากรู้สึกว่ารองเท้าคับเกินไป
- มีผู้ใช้ที่เคยประสบปัญหาเจ็บเท้าเมื่อใช้ Nike Pegasus และเปลี่ยนมาใช้ Kayano 31 ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างมาก ทำให้เขากลายเป็นแฟน Asics ไปในที่สุด
- มีผู้ใช้สอบถามเกี่ยวกับรองเท้า Asics ที่เหมาะสำหรับการเดินระยะไกล โดยมีผู้แนะนำ Noosa, Evoride Speed, Cumulus 26 และ Pulse 15
- มีการเปรียบเทียบ Novablast 3 และ Superblast 2 โดยบางคนชอบ Novablast 3 มากกว่า เพราะรู้สึกว่าวิ่งได้เร็วกว่า
- มีผู้ใช้ที่ชื่นชอบ Novablast และใช้มาแล้วหลายคู่ และได้ลองใช้ Cumulus 26 ซึ่งให้ความรู้สึกนุ่มสบายอย่างมาก
- มีการสอบถามเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง Cumulus และ Nimbus โดยมีผู้ให้ข้อมูลว่า Cumulus มีความสูงของพื้นรองเท้าที่ต่ำกว่า และออกแบบมาสำหรับการวิ่งประจำวันมากกว่า ในขณะที่ Nimbus เน้นความนุ่มสบายสำหรับการวิ่งช้าๆ
- มีผู้ใช้ที่วิ่งด้วย Nimbus 26 มาแล้วกว่า 900 กม. และกำลังมองหารองเท้าคู่ใหม่ โดยสนใจ Puma MagMax
- มีผู้ใช้ที่รู้สึกว่า Superblast เหมาะกับการวิ่งในความเร็วต่างๆ แต่ไม่เหมาะกับการวิ่งช้าๆ ในขณะที่ Nimbus เหมาะกับการวิ่งช้าๆ มากกว่า
- มีผู้ใช้ที่เพิ่งซื้อ Gel-Nimbus 26 และรู้สึกพอใจกับความนุ่มสบาย
- มีผู้ใช้ที่พอใจกับอุปกรณ์วิ่งของ Asics โดยรวม ทั้งรองเท้าและเสื้อผ้า
- มีผู้ใช้ที่ใช้ Superblast 1 และ 2 ในการวิ่งทุกรูปแบบ และรู้สึกพอใจกับประสิทธิภาพ
- มีผู้ใช้ที่รู้สึกว่า Superblast 2 เริ่ม “ด้าน” หลังจากใช้งานไปสักระยะ และหันไปสนใจ Brooks Glycerin Max มากกว่า
จากประสบการณ์ของผู้ใช้เหล่านี้ คุณจะเห็นได้ว่ารองเท้า Asics แต่ละรุ่นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกรองเท้าที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สไตล์การวิ่ง และวัตถุประสงค์การใช้งานของคุณ ผมหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกรองเท้าวิ่ง Asics ของคุณนะครับ
การดูแลรักษารองเท้าวิ่ง Asics ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน
เมื่อคุณเลือกรองเท้าวิ่ง Asics คู่โปรดได้แล้ว การดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าและรักษาประสิทธิภาพในการวิ่งให้ดีที่สุด ในหัวข้อนี้ ผมจะแนะนำวิธีการดูแลรักษารองเท้าวิ่ง Asics อย่างง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้เอง
หลังจากวิ่งเสร็จ ควรนำรองเท้าออกมาผึ่งลมให้แห้งสนิท ไม่ควรนำไปตากแดดโดยตรง เพราะความร้อนอาจทำให้วัสดุเสื่อมสภาพได้ หากรองเท้าเปียกหรือมีคราบสกปรก ควรทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง
ไม่ควรนำรองเท้าวิ่งไปซักในเครื่องซักผ้า เพราะจะทำให้รองเท้าเสียรูปทรงและวัสดุเสื่อมสภาพเร็ว ควรทำความสะอาดด้วยมืออย่างเบามือ โดยใช้แปรงขนนุ่มและน้ำสบู่อ่อนๆ
ควรสลับรองเท้าวิ่งหลายคู่ หากคุณวิ่งเป็นประจำ เพื่อให้รองเท้าแต่ละคู่ได้พักและคืนตัว ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าได้
ควรเปลี่ยนรองเท้าวิ่งเมื่อหมดอายุการใช้งาน โดยทั่วไปแล้ว รองเท้าวิ่งจะมีอายุการใช้งานประมาณ 300-500 ไมล์ หรือประมาณ 480-800 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและน้ำหนักตัวของผู้ใช้ สังเกตอาการของรองเท้า เช่น พื้นรองเท้าสึกหรอ ความนุ่มลดลง หรือรู้สึกเจ็บเท้าขณะวิ่ง หากมีอาการเหล่านี้ ควรเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่
การเก็บรักษารองเท้าวิ่งอย่างถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเก็บรองเท้าในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บในที่อับชื้นหรือโดนแสงแดดโดยตรง
การดูแลรักษารองเท้าวิ่งอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าและรักษาประสิทธิภาพในการวิ่งให้ดีที่สุด ผมหวังว่าคำแนะนำเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการดูแลรักษารองเท้าวิ่ง Asics คู่โปรดของคุณนะครับ
เลือกรองเท้าวิ่ง Asics รุ่นไหนดี ข้อดีและข้อเสียเป็นยังไง
- มือใหม่: Novablast เป็นตัวเลือกที่ดี อเนกประสงค์ ทนทาน หรือ Puma Velocity Nitro ที่ราคาเข้าถึงง่ายและวิ่งเทรลได้ ควรลองสวมก่อนซื้อ Brooks Adrenaline/Glycerin GTS ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ห้ามใช้รองเท้าวิ่งยกเวท
- เปรียบเทียบ Evo SL กับ Superblast 2: Evo SL เบา สนุก เหมาะวิ่งหลากหลายความเร็ว แต่ไม่เหมาะวิ่งเร็วต่อเนื่อง Superblast 2 มั่นคง เหมาะวิ่งระยะไกล ความเร็วคงที่ Evo SL เล็กลง 0.5 ไซส์ Superblast 2 ใส่พอดี เลือกตามระยะวิ่งและความชอบส่วนตัว
โดยสรุป การเลือกรองเท้าวิ่ง Asics ควรพิจารณาจาก:
- ระดับการวิ่ง: มือใหม่หรือมืออาชีพ
- สไตล์การวิ่ง: วิ่งเร็ว วิ่งระยะไกล วิ่งเทรล
- ความชอบส่วนตัว: ความนุ่ม ความกระชับ ความมั่นคง
- งบประมาณ: มีรองเท้าหลายระดับราคาให้เลือก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น