ฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือ จำเป็นต้องติดไหม ข้อดี-ข้อเสีย

สมาร์ทโฟนนั้นราคาแพง คุณอาจจะต้องจ่ายเงินเป็นหลักหมื่นบาทเพื่อให้ได้รุ่นที่แรง ๆ สักเครื่อง แต่ถ้ามันจบลงด้วยหน้าจอมัว ๆ เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน นี่น่าเสียดาย ทำให้หลายคนเลือกที่จะซื้อฟิล์มกันรอยมาติดเพื่อป้องกันหน้าจอโทรศัพท์ที่เค้ารัก แต่เอาเข้าจริง ๆ ฟิล์มหรือกระจกป้องกันที่มีขายมากมายในท้องตลาด มันจำเป็นแค่ไหนกัน

จำเป็นแค่ไหน?

การซื้ออะไรมาป้องกันหน้าจอมือถือของเรานั้น ก่อนหน้านี้เป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ แต่เมื่อมีการมาถึงของโทรศัพท์สมัยใหม่ที่มีการเคลือบให้หน้าจอทนทานมากกว่ารุ่นก่อน ๆ มาก เจ้าฟิล์มกันรอยก็เป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับคนส่วนใหญ่อีกต่อไป คุณไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเพื่อเอามาติดกับมือถือเครื่องใหม่ของคุณก็ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหน้าจอมือถือจะแข็งแกร่งเป็นรอยยากขึ้น ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีวันเป็นรอย หรือได้รับความเสียหาย มีวัสดุหรือลักษณะการใช้งานบางอย่าง ถ้าคุณไม่ระวัง หน้าจอมือถือก็เสียหายได้ ดังนั้น ฟิล์มกันรอย ก็อาจจำเป็นสำหรับบางคน และบางเหตุการณ์

ฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือ คืออะไร

ต่อไปอาจจะเห็นน้อยลงรึเปล่าไม่แน่ใจ เพราะหลายคนพอมีเครื่องใหม่ก็ไม่ได้ซื้อมาติดกันแล้ว ฟิล์มกันรอย (Mobile Phone Screen Protector) เป็นแผ่นพลาสติกที่เมื่อเอามาแปะบนหน้าจอมือถือแล้ว มันจะยึดเกาะหน้าจอได้อย่างสนิท จนอาจจะมาไม่ออกเลย ฟิล์มถูกตัดมาให้มีขนาดพอดีกับหน้าจอของโทรศัพท์แต่ละรุ่น ชนิดที่ว่าพอดีเป๊ะ ๆ หน้าจอมีรู มีส่วนเว้าหรือติ่งอยู่ตรงไหน เค้าก็จะตัดมาให้พอดีเลย ใช้รุ่นไหนก็ซื้อฟิล์มของรุ่นนั้นใช้แทนของรุ่นอื่นไม่ได้ ในการติดฟิล์มกันรอยจำเป็นต้องระมัดระวังพอสมควร ต้องทำความสะอาดพื้นผิดเป็นอย่างดี แล้วค่อย ๆ ติด เพื่อไม่ให้เกิดฟองอากาศหรือรอยย่นรอยพับเกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของทั้งหน้าจอกันพื้นผิวฟิล์ม ดังนั้น บ่อยครั้ง เราจึงเห็นหลายคน ให้คนขายที่มีความเชี่ยวชาญมากว่าเค้าติดให้ ถ้าคนติดฝีมือดี ๆ ก็จะเนียนเรียบดูไม่ออกว่าติดฟิล์มเลย และเมื่อหน้าจอมือถือของคุณถูกขีดข่วนด้วยอะไรก็ตาม ฟิล์มกันรอยนั้นจะช่วยรับรอยเหล่านั้นไว้เอง มันง่ายที่จะลอกออกแล้วเปลี่ยนไหม่ ดีกว่าเราต้องไปเปลี่ยนหน้าจอี่มีราคาแพงกว่ากันมาก

content image

กระจกป้องกันหน้าจอสำหรับโทรศัพท์ Xiaomi Mi พร้อมกระจกกันเลนส์


การมาของหน้าจอ Gorilla Glass คือจุดเปลี่ยน

กระจก Gorilla Glass (อ่านว่า กอลิล่ากลาส จริง ๆ คือชื่อยี่ห้อกระจก) คืออะไร? โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ มีการพัฒนาให้หน้าจอมีความทนทานมากขึ้น และติดมากับเครื่องเลยไม่ต้องไปซื้อเพิ่มอีก แบรนด์สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะใช้ Gorilla Glass ของ Corning เป็นกระจกเสริมความแข็งแกร่ง ทนทานต่อการขีดข่วนได้สูง ไม่เป็นรอยง่าย ๆ ซึ่งทาง Corning ก็ได้ออกกระจกเวอร์ชั่นใหม่มาเรื่อย ๆ ปัจจุบันก็มากกว่า 7 รุ่นมากแล้ว ซึ่งมีความบาง เบา และทนทานต่อความเสียหายได้ดีขึ้น

โทรศัพท์รุ่นเก่า ๆ ที่หน้าจอบอบบางในปัจจุบันน่าจะเก่าจนหมดไปจากการใช้งานของผู้คนหมดแล้ว ดังนั้น โทรศัพท์ที่ใช้อยู่ทุกวันกระจกจอก็จะมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนกันทุกเครื่องอยู่แล้ว และ เมื่อคุณติดฟิล์มกันรอย พอเจอกับเหตุการณ์อะไรทำให้มีวัสดุมาขูดขีดหน้าจอจนหน้าจะทำให้เป็นรอย แต่พอหยิบมือถือมาดู คุณก็จะเข้าใจว่าฟิล์มกันรอยนี้ดีมาก จริง ๆ แล้วนอกจากฟิล์มกันรอยที่คอยปกป้องหน้าจอโทรศัพท์ของคุณไว้ กระจกเสริมแกร่ง Gorilla Glass ก็คอยช่วยไว้อีกแรงด้วย

วัสดุแข็ง ๆ ในกระเป๋าเป้หรือดอกกุญแจในกระเป๋ากางเกงที่หลายคนชอบใส่โทรศัพท์ ไม่สามารถทำอันตรายหน้าจอของเราไม่ได้เลย กระจก Gorilla Glass ของสมาร์ทโฟนยุคนี้แข็งแรงกว่าวัสดุอย่างโลหะที่ใช้ทำกุญแจ ทำเหรียญ และวัสดุแข็งอื่น ๆ รอบตัวเราด้วยซ้ำ มีการทดสอบที่คุณหาดูได้ตามช่อง Youtube แม้แต่มีด ตะปู ลวด และโลหะอื่น ๆ ก็ยังทำความเสียให้กับโครตกระจกนี้ไม่ได้เลย

ข้อเสียของฟิล์มกันรอยมือถือ คืออะไร

ข้อดีคือ แผ่นฟิล์ม มันจะคอยปกป้องหน้าจอมือถือไม่ให้เป็นรอยได้แม้แต่น้อย แต่ข้อเสียก็มีด้วยเช่นกัน ข้อเสียของฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือ ก็คือ มันอาจจะลดประสิทธิภาพของ Touch Screen ของเราได้ คือหน้าจอสัมผัสได้ไม่ดี 100% แม้ว่าฟิล์มกันรอยจะไม่ได้ทำให้ถึงขนาดจอไม่ตอบสนองเลย แต่ก็อาจจะรู้สึกขัด ๆ บางไม่มากก็น้อย นอกจากนั้น ฟิล์มที่ติดบนจอมือถือ มันก็มีอายุการใช้งานอยู่นะ ไม่ใช่ติดแล้วติดเลย เราอาจจะต้องลอกฟิล์มออกแล้วแปะใหม่ ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ ฟิล์มก็จะเสื่อมสภาพ เปลี่ยนจากใส่ ๆ เป็นเหลือง และอาจจะลดการป้องกัน หรือไม่ป้องกันหน้าจอให้มือถือเราอีกต่อไปก็ได้

หน้าจอกระจก Gorilla Glass ก็เป็นรอยได้

พบว่าวัสดุบางอย่างสามารถทำให้กระจกหน้าจอมือถือที่เป็น Gorilla Glass เป็นรอยได้ ผู้ร้ายสำคัญที่สุด ก็คือ "ทราย" กรณีที่คุณไปเที่ยวทะเล แล้วมีเม็ดทรายจำนวนหนึ่งเกิดเข้าไปในกระเป๋าเป้หรือแม้แต่กระเป๋ากางเกงของคุณ แล้วคุณก็ใส่โทรศัพท์มือถือเข้าในกระเป๋าเหล่านั้น แล้วก็ทำกิจกรรมปกติต่อไปโดยไม่รู้อะไร คุณก็จะพบว่าเม็ดทรายสามารถทำให้หน้าจอของคุณเป็นรอยได้ นี่ยังไม่รวมถึงเม็ดหินนะ ถ้ามีเศษหินเล็กปนอยู่ในทรายด้วยนี่ยิ่งไปใหญ่

พื้นคอนกรีต พื้นหินหยาบ ๆ ก็สามารถทำให้หน้าจอมือถือที่เป็นกระจก Gorilla Glass เป็นรอยได้เช่นกัน อย่างถ้าคุณทำมือถือคว่ำหน้าจอกับพื้นคอนกรีต แล้วหน้าจอมือถือก็ถูไปกับพื้นหยาบ ๆ นั้น รับรองหน้าจอเป็นรอยแน่ ๆ นอกจากเม็ดทราย หิน พื้น แล้ว วัสดุอีกอย่างที่เป็นศัตรูกับหน้าจอมือถือที่เป็นหน้าจอ Gorilla Glass ก็คือ เพชร สามารถใช้อัญมณีที่แพงที่สุดนี้ นำมาขีดหน้าจอจนเป็นรอยได้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยาก เพราะเพชร แพงซะอย่างนี้ โอกาสที่ใครจะมีไว้ในครอบครองยังยากเลย

แล้วจะติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือ เมื่อไร?

ดังนั้น ถ้าไลฟ์สไตล์ของคุณ คือชอบไปเที่ยวทะเลบ่อย ๆ หรือคุณเป็นคนที่มักทำโทรศัพท์มือถือตกพื้นอยู่บ่อย ๆ แนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยไว้ นอกจากป้องกันหน้าจอแล้ว ฟิล์มกันรอยในปัจจุบันยังมีหลายยี่ห้อที่เค้าเคลือบสารที่ป้องกันรอยนิ้วมือได้ด้วย (Anti-fingerprint) ใช้มือถือไปนาน ทั้งเหงื่อทั้งคราบต่าง ๆ ในมือถือเรา ก็ทำให้เรารู้สึกเหนียว ๆ โทรศัพท์ไม่น่าใช้เลย จนต้องเช็ดทำความสะอาดบ่อยครั้ง ฟิล์มเหล่านี้อาจจะช่วยลดปัญหาได้ไม่มากก็น้อย

ฟิล์มกันรอยอาจจะไม่จำเป็นสำหรับคุณก็ได้ ถ้าคุณใส่ใจในการใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น กระเป๋ากางเกงที่มีคุณใส่กุญแจ ใส่เหรียญอยู่ ก็อย่าใส่โทรศัพท์มือถือลงไป ใส่กระเป๋าอื่นแทน หรือไม่ก็ระมัดระวังอย่าทำมือถือตกพื้น เล่นอย่างมีสติ อะไรแบบนี้ เท่านี้ ฟิล์มกันรอยก็อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคุณก็ได้

ปกป้องหรือปิดบัง? วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือ

การติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์หลักคือการปกป้องหน้าจอจากความเสียหายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยขีดข่วน รอยแตก หรือแม้กระทั่งการกระแทก แต่คำถามสำคัญคือ ฟิล์มกันรอยนั้นทำหน้าที่ปกป้องอย่างแท้จริง หรือเป็นเพียงแค่การปิดบังความสวยงามและประสบการณ์การใช้งานที่ดีของหน้าจอที่ผู้ผลิตตั้งใจออกแบบมา? การวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียดจะช่วยให้เราเข้าใจถึงบทบาทและผลกระทบที่แท้จริงของฟิล์มกันรอยต่อการใช้งานโทรศัพท์มือถือของเรา

ข้อดีที่เห็นได้ชัดของการติดฟิล์มกันรอยคือความสามารถในการป้องกันรอยขีดข่วนจากสิ่งของต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น กุญแจ เหรียญ หรือแม้แต่ฝุ่นละอองที่อาจทำให้หน้าจอเป็นรอยได้ นอกจากนี้ ฟิล์มกันรอยบางชนิด เช่น ฟิล์มกระจก ยังสามารถช่วยลดแรงกระแทกและลดความเสี่ยงที่หน้าจอจะแตกเมื่อตกหล่นได้ในระดับหนึ่ง การติดฟิล์มกันรอยยังช่วยรักษามูลค่าของเครื่องเมื่อต้องการขายต่อ เพราะหน้าจอที่ไร้รอยขีดข่วนย่อมมีราคากว่าหน้าจอที่มีรอย นอกจากนี้ ฟิล์มบางประเภทยังมีคุณสมบัติป้องกันรอยนิ้วมือและคราบสกปรก ทำให้หน้าจอดูสะอาดตาอยู่เสมอ และที่สำคัญคือการเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลมากนักว่าหน้าจอจะเป็นรอย

อย่างไรก็ตาม การติดฟิล์มกันรอยก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาเช่นกัน ฟิล์มกันรอยบางชนิดอาจลดความคมชัด สีสัน และความสว่างของหน้าจอ ทำให้ประสบการณ์การรับชมภาพไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ ฟิล์มยังอาจทำให้สัมผัสหน้าจอเปลี่ยนไป เช่น ความลื่น หรือความแม่นยำในการสัมผัส หากติดฟิล์มไม่ดี อาจเกิดฟองอากาศหรือมีฝุ่นเข้าไปอยู่ใต้ฟิล์ม ทำให้ดูไม่สวยงาม การซื้อและติดฟิล์มกันรอยถือเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และฟิล์มกันรอยก็มีอายุการใช้งาน เมื่อใช้ไปนานๆ อาจมีรอยขีดข่วนหรือเหลือง ทำให้ต้องเปลี่ยนใหม่

โดยสรุป การติดฟิล์มกันรอยมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ผู้ใช้ควรพิจารณาความต้องการและลักษณะการใช้งานของตนเอง เพื่อตัดสินใจว่าควรติดฟิล์มกันรอยหรือไม่

คุ้มค่าหรือเกินจำเป็น? เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการใช้และไม่ใช้ฟิล์มกันรอย

การตัดสินใจว่าจะติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการประเมินความคุ้มค่าและความจำเป็นของแต่ละบุคคล การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการใช้และไม่ใช้ฟิล์มกันรอยอย่างละเอียด จะช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการของตนเอง

การใช้ฟิล์มกันรอยมีข้อดีหลายประการ เช่น การป้องกันรอยขีดข่วน ลดความเสี่ยงหน้าจอแตก รักษามูลค่าเครื่อง ป้องกันรอยนิ้วมือ และเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น อาจลดความคมชัดและความสวยงามของหน้าจอ ทำให้สัมผัสหน้าจอเปลี่ยนไป อาจเกิดฟองอากาศหรือฝุ่นใต้ฟิล์ม มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และมีอายุการใช้งานที่จำกัด

ในทางกลับกัน การไม่ใช้ฟิล์มกันรอยก็มีข้อดีคือ ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์การใช้งานหน้าจอที่ดีที่สุด ทั้งในด้านความคมชัด สีสัน และสัมผัส ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และไม่ต้องกังวลเรื่องฟองอากาศหรือฝุ่นใต้ฟิล์ม แต่ข้อเสียคือ มีความเสี่ยงที่หน้าจอจะเป็นรอยขีดข่วนหรือแตกได้ง่าย มูลค่าเครื่องอาจลดลง และต้องระมัดระวังในการใช้งานมากขึ้น

การพิจารณาความคุ้มค่าของการติดฟิล์มกันรอยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น พฤติกรรมการใช้งาน หากเป็นคนใช้งานโทรศัพท์อย่างระมัดระวัง โอกาสที่หน้าจอจะเป็นรอยก็น้อยลง การไม่ติดฟิล์มอาจคุ้มค่ากว่า แต่หากเป็นคนใช้งานสมบุกสมบัน หรือทำโทรศัพท์ตกบ่อย การติดฟิล์มจะช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายได้ นอกจากนี้ มูลค่าของโทรศัพท์ก็เป็นปัจจัยสำคัญ สำหรับโทรศัพท์ราคาสูง การติดฟิล์มกันรอยเพื่อรักษามูลค่าเครื่องอาจคุ้มค่ากว่า แต่สำหรับโทรศัพท์ราคาไม่แพง การไม่ติดฟิล์มอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า สุดท้ายคือความกังวลส่วนบุคคล บางคนอาจกังวลเรื่องรอยขีดข่วนบนหน้าจอมาก การติดฟิล์มจะช่วยลดความกังวลและเพิ่มความสบายใจในการใช้งาน

การตัดสินใจว่าจะติดฟิล์มกันรอยหรือไม่ ควรพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้งาน มูลค่าของโทรศัพท์ และความกังวลส่วนบุคคล เพื่อให้ได้ทางเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด

จากรอยขีดข่วนถึงรอยแตก

หน้าจอมือถือเป็นส่วนที่บอบบางและเสี่ยงต่อความเสียหายมากที่สุด การเกิดรอยขีดข่วนเล็กน้อยอาจสร้างความรำคาญ แต่การแตกร้าวอาจทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ การติดฟิล์มกันรอยจึงถูกมองว่าเป็นตัวช่วยในการปกป้องหน้าจอ คำถามสำคัญคือ ฟิล์มกันรอยสามารถ "ช่วยชีวิต" หน้าจอมือถือได้จริงหรือไม่?

ในด้านการป้องกันรอยขีดข่วน ฟิล์มกันรอยมีประสิทธิภาพอย่างมาก ฟิล์มส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรง เช่น PET, TPU หรือกระจก ซึ่งสามารถป้องกันรอยขีดข่วนจากสิ่งของทั่วไปได้ดี อย่างไรก็ตาม ฟิล์มกันรอยก็มีขีดจำกัด หากโดนของมีคมขีดข่วนอย่างแรง หรือโดนทรายที่มีความแข็งสูง ก็อาจเกิดรอยบนฟิล์มได้เช่นกัน แต่ถึงกระนั้น ฟิล์มก็ยังช่วยรับแรงและป้องกันไม่ให้รอยนั้นถึงหน้าจอจริง

ในด้านการป้องกันรอยแตก ประสิทธิภาพของฟิล์มกันรอยจะแตกต่างกันไปตามประเภทของฟิล์ม ฟิล์ม PET และ TPU เน้นการป้องกันรอยขีดข่วนเป็นหลัก ไม่สามารถป้องกันแรงกระแทกได้มากนัก หากตกจากที่สูง หรือโดนกระแทกแรงๆ หน้าจอก็ยังมีโอกาสแตกได้ ในขณะที่ฟิล์มกระจกมีความแข็งแรงกว่าฟิล์ม PET และ TPU สามารถช่วยลดแรงกระแทกและลดความเสี่ยงที่หน้าจอจะแตกได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันได้ 100% หากตกจากที่สูงมาก หรือโดนกระแทกในมุมที่ไม่ดี หน้าจอก็ยังคงแตกได้

ดังนั้น ฟิล์มกันรอยช่วยชีวิตหน้าจอได้จริงหรือ? คำตอบคือ "ในระดับหนึ่ง" ฟิล์มกันรอยช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงหน้าจอแตกได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะฟิล์มกระจก แต่ฟิล์มกันรอยไม่ใช่เกราะป้องกันที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้ทุกกรณี การใช้งานอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ข้อมูลที่ควรทราบก่อนตัดสินใจติดฟิล์มกันรอย

ก่อนตัดสินใจติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือ มีข้อมูลหลายประการที่ควรทราบ เพื่อให้เลือกฟิล์มที่เหมาะสมและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งแรกที่ควรทราบคือประเภทของฟิล์มกันรอย ฟิล์มกันรอยมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกัน ฟิล์ม PET เป็นฟิล์มที่มีราคาถูก ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี แต่ไม่ป้องกันแรงกระแทก ฟิล์ม TPU มีความยืดหยุ่น ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่า PET และสามารถดูดซับแรงกระแทกได้บ้าง ฟิล์มกระจกมีความแข็งแรงที่สุด ป้องกันทั้งรอยขีดข่วนและแรงกระแทกได้ดี แต่ราคาสูงกว่าฟิล์มประเภทอื่น

นอกจากประเภทของฟิล์มแล้ว คุณสมบัติอื่นๆ ก็ควรพิจารณา เช่น ความคมชัดของฟิล์ม ฟิล์มบางชนิดอาจลดความคมชัดของหน้าจอ ทำให้ภาพดูไม่สดใส ความลื่นของฟิล์ม ฟิล์มที่ดีควรมีความลื่น ทำให้สัมผัสหน้าจอ

ความคิดเห็น