ระหว่างโทรศัพท์ OPPO กับ VIVO อันไหนดีกว่ากัน สเปค กล้อง

การเลือกโทรศัพท์มือถือสักเครื่องในวันนี้กลายเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดี เพราะมีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด โดยเฉพาะแบรนด์จากประเทศจีนที่เข้ามาครองใจคนไทยมานาน ทั้ง OPPO และ VIVO ต่างเป็นชื่อที่คุ้นหูและมักถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ แบรนด์ทั้งสองนี้มาจากบริษัทแม่เดียวกัน คือ BBK Electronics ซึ่งทำให้ทั้งคู่มีรากฐานเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ถูกพัฒนาให้มีจุดเด่นที่แตกต่าง เพื่อเจาะกลุ่มคนหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เน้นถ่ายรูป ใช้งานหนัก หรือมองหาความคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ บทความนี้จึงตั้งใจนำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับทั้งสองแบรนด์ โดยเฉพาะในด้านสเปคและกล้องที่คนไทยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ข้อมูลที่นำมาใช้รวบรวมจากแหล่งต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงความเห็นจากผู้ใช้จริง เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ สิ่งที่นำเสนอจะเน้นความเป็นกลาง ผ่านการวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น คนทำงาน หรือผู้สูงอายุ หวังว่าบทความนี้จะช่วยคลายข้อข้องใจและเป็นแนวทางให้กับคนที่กำลังมองหาโทรศัพท์คู่ใจเครื่องใหม่ได้เป็นอย่างดี

ต้นกำเนิดและความสัมพันธ์

OPPO และ VIVO เป็นโทรศัพท์ที่มาจากบริษัทแม่เดียวกัน คือ BBK Electronics จากประเทศจีน แม้จะมีรากฐานเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้งสองแบรนด์ถูกพัฒนาให้มีจุดเด่นแตกต่างกันเพื่อดึงดูดกลุ่มคนหลากหลายสไตล์ การที่ทั้งคู่มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันทำให้บางครั้งสเปคหรือฟีเจอร์พื้นฐานอาจคล้ายคลึง แต่แนวทางการออกแบบและการใช้งานกลับถูกปรับให้เหมาะกับความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย การเปรียบเทียบจึงต้องมองลึกเข้าไปในรายละเอียดของแต่ละรุ่น เพื่อดูว่าแบรนด์ไหนจะเหมาะกับการใช้งานจริงมากกว่าในมุมของคนไทย

Content Cover

Content Cover

จุดเด่นด้านกล้องของ OPPO

กล้องของ OPPO ขึ้นชื่อเรื่องความคมชัดและเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมการถ่ายภาพ เช่น VOOC Flash Charge ที่ทำให้ชาร์จแบตเต็มไว และ AI-enhanced imaging ที่ช่วยให้ภาพออกมาสวยแม้ในที่แสงน้อย รุ่นที่ได้รับความนิยมอย่าง OPPO Reno ซีรีส์ เช่น Reno11 มีกล้องหลังสูงถึง 64MP และกล้องหน้าที่เน้นความละเอียดถึง 32MP เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพตัวเองมากเป็นพิเศษ คนไทยหลายคนมักพูดถึงกล้องของ OPPO ว่าถ่ายออกมาแล้วสวยโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม ซึ่งจุดนี้กลายเป็นที่ถูกใจสำหรับคนที่ต้องการภาพดีๆ ทันทีหลังกดชัตเตอร์

จุดเด่นด้านกล้องของ VIVO

VIVO ก็ไม่น้อยหน้าเรื่องกล้อง โดยเฉพาะกล้องหน้าที่มักมีความละเอียดสูงและมีฟีเจอร์ให้เลือกเยอะ รุ่นใน V ซีรีส์ เช่น V30 มาพร้อมกล้องหน้าถึง 50MP พร้อมโหมด AI Beauty ที่ช่วยปรับภาพให้ดูดีขึ้น ส่วนกล้องหลังบางรุ่นใน X ซีรีส์ได้ร่วมมือกับ Zeiss ทำให้ภาพมีสีสันสมจริงและคมชัดมากขึ้น จากการพูดคุยใน Pantip และรีวิวจากเว็บต่างประเทศ VIVO เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพแบบมีสไตล์และอยากได้ตัวเลือกปรับแต่งเยอะๆ ซึ่งทำให้ภาพที่ได้มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

เปรียบเทียบสเปคโดยรวม

เมื่อดูที่สเปคทั้ง OPPO และ VIVO ต่างใช้ชิปจาก MediaTek หรือ Qualcomm Snapdragon ในรุ่นระดับกลางถึงสูง เช่น OPPO Reno12 Pro ที่ใช้ Dimensity 7300 ให้พลังงานเพียงพอในราคาที่จับต้องได้ ขณะที่ VIVO ในรุ่น V40 ก็ใช้ชิปกลุ่มเดียวกัน แต่บางรุ่นจะเน้นประมวลผลเพื่อกล้องมากกว่าเล่นเกมหนักๆ ความจุ RAM และ ROM โดยทั่วไปเริ่มที่ 8GB/128GB ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ VIVO บางรุ่นมีตัวเลือกสูงถึง 12GB ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องแรงขึ้นไปอีกขั้น การเลือกจึงขึ้นอยู่กับว่าต้องการเน้นด้านไหนมากกว่ากัน

ระบบปฏิบัติการ

OPPO ใช้ ColorOS ซึ่งหลายคนมองว่าใช้งานง่ายและเสถียร มีตัวเลือกปรับแต่งเยอะ ส่วน VIVO ใช้ Funtouch OS ที่มาพร้อมฟีเจอร์หลากหลาย แต่บางครั้งถูกบ่นว่าแอปที่ติดมากับเครื่องเยอะเกินไป จากรีวิวในเว็บต่างประเทศอย่าง Android Authority ชี้ว่า ColorOS มีการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่นานกว่าในบางรุ่น ซึ่งอาจเป็นจุดที่ทำให้ OPPO ได้เปรียบสำหรับคนที่ต้องการใช้งานเครื่องยาวๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

การถ่ายภาพในแสงน้อย

OPPO มีโหมด Night Mode ที่ทำงานได้ดีเยี่ยมใน Reno ซีรีส์ ซึ่ง TechRadar ยกย่องว่าถ่ายภาพกลางคืนได้สว่างและลดนอยส์ได้ดี VIVO เองก็มี Super Night Mode และในรุ่น X ซีรีส์บางตัวใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ ช่วยเก็บรายละเอียดในที่มืดได้มากกว่า ถ้าชอบถ่ายภาพตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อย VIVO อาจให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดกว่า แต่ OPPO ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ไว้ใจได้สำหรับภาพที่สว่างชัดเจน

ความทนทานและแบตเตอรี่

OPPO มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC ตั้งแต่ 30W ถึง 80W ทำให้แบตเต็มในเวลาเพียง 30-40 นาที คนไทยหลายคนบอกว่าแบตของ OPPO อึด ใช้ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องกังวล VIVO บางรุ่นอย่าง Y300 Pro มีแบตใหญ่ถึง 6,500mAh และชาร์จไว 80W แต่ในรุ่น V ซีรีส์ที่เน้นดีไซน์บางเบา แบตอาจอยู่ที่ 4,500-5,000mAh ถ้าต้องการแบตเยอะและทน VIVO รุ่น Y อาจตอบโจทย์ แต่ถ้าชอบชาร์จไวและพกพาง่าย OPPO ดูจะเหมาะกว่า

ราคาและความคุ้มค่า

OPPO มักมีราคาเริ่มต้นในรุ่นกลางที่ถูกกว่า อยู่ราว 7,000-15,000 บาท เช่น Reno11 ส่วน VIVO มีช่วงราคากว้างตั้งแต่ 6,000-20,000 บาท โดยรุ่น V ซีรีส์ที่เน้นกล้องจะราคาสูงกว่ารุ่น Y ที่เน้นแบต จากการพูดคุยใน Pantip พอสรุปได้ว่า OPPO ถูกมองว่าคุ้มค่าในงบจำกัด ส่วน VIVO เหมาะกับคนที่ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อกล้องที่ดีกว่า งบประมาณจึงเป็นตัวตัดสินสำคัญว่าแบรนด์ไหนจะเหมาะกับกระเป๋าเงินมากกว่า

ความนิยมในไทย

ในไทย OPPO ถูกพูดถึงบ่อยในแง่การใช้งานง่ายและทนทาน จากโซเชียลมีเดียอย่าง Pantip ขณะที่ VIVO ได้รับคำชมเรื่องกล้องหน้าและดีไซน์ที่ดูทันสมัย รีวิวจาก Devicextra.com บอกว่า OPPO เหมาะกับคนที่ต้องการความเสถียร ส่วน VIVO ดีสำหรับคนที่เน้นถ่ายรูปและโพสต์ลงโซเชียล ความนิยมของทั้งสองแบรนด์ในไทยจึงขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นให้ความสำคัญกับอะไรเป็นหลัก

ข้อเสียจากผู้ใช้

OPPO บางรุ่นถูกบ่นว่าระบบมีปัญหาหลังใช้ไปนาน หรือกล้องหน้าสู้ VIVO ไม่ได้ ส่วน VIVO บางคนบอกว่าเครื่องร้อนง่ายเมื่อถ่ายวิดีโอนาน และซอฟต์แวร์อาจไม่ลื่นเท่า OPPO ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยมักหยิบยกมาพูดถึงในรีวิว ซึ่งอาจเป็นจุดที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ

ดีไซน์และหน้าจอ

OPPO ใช้จอ AMOLED ในรุ่นกลางถึงสูง สีสันสดใส และบางรุ่นมีรีเฟรชเรท 120Hz VIVO ก็ใช้ AMOLED เหมือนกัน โดยรุ่นอย่าง V30 มีจอโค้ง 4 ด้าน ดูพรีเมียมกว่า รีวิวจาก GSMArena บอกว่า VIVO ชนะเรื่องดีไซน์ แต่ OPPO ได้เปรียบเรื่องความทนทานของวัสดุ ถ้าชอบจอสวยและดีไซน์เด่น VIVO อาจน่าสนใจ แต่ถ้าต้องการเครื่องที่แข็งแรง OPPO ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี

อัปเดตซอฟต์แวร์

OPPO สัญญาว่าจะอัปเดต Android 3-4 ปีในรุ่นระดับสูง และ 2-3 ปีในรุ่นกลาง VIVO บางรุ่นอย่าง V40 อ้างว่าอัปเดตได้ 4-5 ปี แต่รุ่นราคาถูกอาจสั้นกว่านั้น จาก XDA Developers บอกว่า OPPO น่าเชื่อถือกว่าในระยะยาว ซึ่งจุดนี้สำคัญสำหรับคนที่ไม่อยากเปลี่ยนเครื่องบ่อย

ประสบการณ์ผู้ใช้จริง

คนที่ใช้ OPPO ในไทยบอกว่าเครื่องเรียบง่ายและแบตทน อย่างบางคนใช้มา 3 ปีแล้วแบตยังดีอยู่ ส่วนคนใช้ VIVO ชมว่ากล้องถ่ายเซลฟี่สวยโดยไม่ต้องแต่ง แต่บางคนบอกว่าเครื่องช้าเมื่อใช้งานหนัก การใช้งานจริงจึงเป็นอีกมุมที่ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

คำแนะนำจากรีวิวต่างประเทศ

TechRadar แนะว่า OPPO เหมาะกับคนที่ต้องการสมดุลระหว่างสเปคและราคา ส่วน PhoneArena บอกว่า VIVO ดีสำหรับคนที่เน้นถ่ายรูปและวิดีโอคุณภาพสูง คำแนะนำจากแหล่งต่างประเทศช่วยยืนยันจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์ให้คนไทยได้พิจารณาเพิ่มเติม

การใช้งาน OPPO และ VIVO

การใช้งานโทรศัพท์ในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะเครื่องหนึ่งเครื่องต้องรับมือกับหลายอย่างตั้งแต่เช้าจนค่ำ OPPO มีจุดเด่นที่แบตเตอรี่อึดและชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี VOOC เหมาะกับคนที่ต้องออกไปข้างนอกทั้งวัน เช่น พ่อค้าแม่ค้าหรือคนที่เดินทางบ่อย ตัวอย่างเช่น รุ่น Reno11 สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และใช้งานต่อเนื่องได้นานโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดกลางคัน ColorOS ที่ OPPO ใช้ยังมีตัวเลือกให้ตั้งค่าแบตเตอรี่ เช่น โหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดีในวันที่งานยุ่ง ส่วน VIVO เน้นดีไซน์บางเบาและกล้องที่ถ่ายสวยทันที เหมาะกับคนที่ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียบ่อยๆ เช่น รุ่น V30 ที่น้ำหนักเบา พกพาง่าย และกล้องหน้าชัดจนไม่ต้องเสียเวลาแต่งรูปเพิ่ม อย่างไรก็ดี VIVO บางรุ่นอาจร้อนไวถ้าใช้งานหนักต่อเนื่อง เช่น ถ่ายวิดีโอยาวๆ ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้นานๆ คนไทยที่เคยใช้ทั้งสองแบรนด์มักบอกว่า OPPO เหมาะกับวันทำงานหนัก ส่วน VIVO ดีกับวันพักผ่อนที่อยากได้ภาพสวยๆ เก็บไว้ดู การเลือกจึงขึ้นอยู่กับว่าวันธรรมดาของแต่ละคนเป็นแบบไหนมากกว่า ถ้าต้องการเครื่องที่ทนและไว OPPO อาจชนะ แต่ถ้าต้องการเครื่องที่ถ่ายรูปดีและพกง่าย VIVO ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

การซ่อมแซมและอะไหล่ของ OPPO กับ VIVO

เรื่องการซ่อมแซมและอะไหล่เป็นอีกจุดที่เรามักนึกถึงก่อนซื้อโทรศัพท์ เพราะถ้าเครื่องพังแล้วหาของซ่อมยากก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ OPPO มีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศไทยค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพ เชียงใหม่ หรือภูเก็ต อะไหล่ของ OPPO เช่น หน้าจอหรือแบตเตอรี่ มักหาได้ง่ายและราคาไม่สูงเกินไป จากคำบอกเล่าของคนที่เคยส่งซ่อมใน Pantip บางคนบอกว่าซ่อมจอแตกของ Reno ซีรีส์ใช้เวลาแค่ 2-3 วัน และมีโปรโมชันลดค่าซ่อมในบางช่วงด้วย VIVO เองก็มีศูนย์บริการในไทยไม่น้อยเหมือนกัน แต่บางรุ่นที่เป็นรุ่นพิเศษ เช่น X ซีรีส์ที่ร่วมมือกับ Zeiss อาจต้องรออะไหล่นานกว่า เพราะชิ้นส่วนบางอย่างไม่ใช่ของทั่วไปในท้องตลาด ค่าใช้จ่ายในการซ่อม VIVO บางครั้งสูงกว่า OPPO เล็กน้อย โดยเฉพาะถ้าต้องเปลี่ยนกล้องหรือเซ็นเซอร์ที่มีเทคโนโลยีเฉพาะ คนที่เคยซ่อม VIVO บอกว่าบางครั้งต้องส่งเครื่องไปศูนย์ใหญ่ ทำให้เสียเวลามากขึ้นถ้าอยู่ต่างจังหวัด OPPO ดูได้เปรียบเรื่องความเร็วในการซ่อมและความพร้อมของอะไหล่ ส่วน VIVO อาจเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยทำเครื่องพังบ่อย เพราะถ้าต้องซ่อมจริงๆ อาจต้องวางแผนดีๆ คนไทยที่อยากได้เครื่องที่ดูแลง่ายหลังซื้ออาจมอง OPPO มากกว่า แต่ถ้าไม่กังวลเรื่องนี้ VIVO ก็ยังน่าใช้อยู่

ความคิดเห็น