คุณเคยรู้สึกไหมว่าการแปรงฟันด้วยมือบางครั้งมันไม่สะอาดเท่าที่ควร บางวันรีบๆ แปรงไปแปรงมาก็รู้สึกว่ายังมีคราบติดอยู่ ลองนึกภาพว่าถ้าคุณเปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า อาจจะได้สัมผัสฟันที่สะอาดขึ้นจริงๆ จะดีแค่ไหน หลายคนบอกว่าพอเปลี่ยนมาใช้แล้วรู้สึกเสียดายที่ไม่ลองเร็วกว่านี้ เพราะมันช่วยขจัดคราบได้ดีมาก ไปหาหมอฟันทีไรหมอก็มักจะชมว่าหินปูนแทบไม่มีให้ขูดเลย คุณจะพบว่าฟันลื่นขึ้น อาการเสียวฟันลดลง และเหงือกก็ดูแข็งแรงขึ้นด้วย
ถ้าคุณเป็นคนที่บางครั้งขี้เกียจแปรงฟันหรือรู้สึกว่าแปรงไม่ทั่วถึง แปรงสีฟันไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยได้เยอะ แค่ถือไว้แล้วเลื่อนไปตามฟัน มันก็ทำงานให้คุณเอง ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะสุขภาพช่องปากดีขึ้นจริงๆ บางคนพูดไว้ในในโซเชียลมีเดียว่าใช้มานานหลายสิบปีแล้วยังยืนยันว่ามันช่วยประหยัดค่ารักษาฟันในระยะยาวได้ดีทีเดียว คุณอาจจะเริ่มเห็นว่าการใช้แปรงไฟฟ้าไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาด แต่เป็นการดูแลฟันให้ดีขึ้นไปอีกขั้น
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย คุณอาจจะเจอว่าบางครั้งมันเข้าไม่ถึงซอกฟันลึกๆ เท่ากับแปรงธรรมดา ถ้าคุณชอบแปรงแบบปัดขึ้นปัดลงเพื่อแซะเศษอาหารออก แปรงไฟฟ้าอาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะมันมักจะหมุนหรือสั่นแค่ด้านหน้าและด้านบนของฟันเท่านั้น ถ้าฟันคุณสั้นหรือเหงือกบอบบาง บางทีการหมุนของหัวแปรงอาจจะทำให้เหงือกร่นหรือเป็นแผลได้ ถ้าคุณไม่ระวัง
อีกอย่างที่หลายคนเจอคือน้ำลายผสมยาสีฟันกระเด็นเลอะเทอะตอนแปรง คุณอาจต้องล้างหน้าซ้ำอีกรอบหลังแปรงเสร็จ ซึ่งบางคนรู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไป ฉะนั้น ถ้าคุณอยากลองใช้ ลองชั่งน้ำหนักดูว่าคุณพร้อมรับมือกับข้อเสียเหล่านี้หรือเปล่า
ข้อดี:
- ฟันสะอาดกว่าแปรงธรรมดา
- สะดวก ไม่ต้องออกแรงเยอะ เหมาะกับคนที่ไม่อยากเหนื่อยหรือไม่มีแรงแปรงนานๆ
- ช่วยสร้างวินัยการแปรงฟัน โดยเฉพาะในเด็กที่รู้สึกสนุกกับการใช้
ข้อเสีย:
- ราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหัวแปรงที่ต้องเปลี่ยนทุก 3 เดือน (บางคนแนะนำให้ซื้อแบบเทียบจากจีนเพื่อประหยัด)
- บางคนรู้สึกว่าเข้าไม่ถึงซอกฟันลึกๆ เท่าแปรงธรรมดา จึงใช้ทั้งสองแบบควบคู่กัน
- หากใช้ผิดวิธีอาจทำให้เหงือกร่นหรือน้ำลายกระเด็นเลอะเทอะ
แล้วถ้าจะซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า ควรเลือกยี่ห้อไหนดี
Oral-B เป็นชื่อที่คนพูดถึงบ่อยมากในโซเชียลมีเดีย รุ่นยอดนิยมอย่าง Pro 2000, iO Series หรือ Smart 7000 ได้รับคำชมว่าทนทาน ใช้งานได้นานหลายปี และมีฟังก์ชันเจ๋งๆ เช่น เซ็นเซอร์ที่เตือนถ้าคุณกดแรงเกินไป ซึ่งช่วยป้องกันเหงือกเสียหายได้ดี ถ้าคุณกลัวว่าจะเผลอกดแรงเกิน รุ่นที่มีระบบนี้ก็น่าสนใจ ส่วน Philips Sonicare ก็เป็นอีกตัวเลือกที่คนแนะนำในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะถ้าคุณอยากได้อะไรที่ถนอมเหงือกมากขึ้น บางรุ่นมีระบบจับเวลาให้คุณแปรงครบ 2 นาทีเป๊ะๆ คุณจะได้ไม่ต้องคอยนับเวลาเอง ถ้าคุณไม่ชอบชาร์จบ่อย usmile อาจจะเหมาะกับคุณ เพราะบางรุ่นชาร์จครั้งเดียวใช้ได้นานถึง 6 เดือน หรือบางตัวถึง 1 ปีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม คุณควรระวังรุ่นที่ใช้ถ่าน เพราะมันพังง่ายกว่ารุ่นชาร์จ บางคนระบุในโซเชียลมีเดียว่าเคยลองแล้วรู้สึกว่าราคาถูกแต่เสียเร็ว ไม่คุ้มในระยะยาว ถ้าคุณมีงบจำกัด ไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นแพงๆ ที่มีฟังก์ชันเยอะเกินไป รุ่นกลางๆ หรือรุ่นถูกหน่อยก็ใช้ดีเหมือนกัน บางคนซื้อรุ่นราคา 199 บาทมาใช้แล้วยังรู้สึกว่าสะอาดเกินคาด คุณอาจจะลองดูรุ่นที่มีเซ็นเซอร์เตือนแรงกด หรือรุ่นที่หัวแปรงนุ่มๆ เพื่อป้องกันปัญหาคอฟันสึก ถ้าคุณมีลูกเล็กที่บ้าน หัวแปรงสำหรับเด็กก็น่าสนใจ เด็กวัย 3-5 ขวบใช้ได้ และหลายคนบอกว่ามันทำให้เด็กอยากแปรงฟันมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าเหมือนได้เล่นอะไรใหม่ๆ
ใช้ให้ถูกวิธี ฟันสะอาดไม่พัง
คุณอาจจะคิดว่าแค่ซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้ามาใช้ก็จบ แต่จริงๆ แล้ววิธีใช้สำคัญมาก ถ้าคุณใช้ผิดวิธี อาจจะเจอปัญหาได้ง่ายๆ อย่างแรกเลยคือคุณต้องวางแปรงเบาๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนไปตามฟัน อย่ากดแรง เพราะถ้ากดแรงเกินไป เหงือกอาจจะร่นหรือคอฟันสึกได้ บางคนเคยเจอปัญหานี้จนต้องเลิกใช้ไปเลย คุณควรดูคู่มือที่มากับเครื่อง หรือถ้ามีโอกาส ลองถามหมอฟันดูว่าคุณควรใช้ยังไงให้ดีที่สุด บางคนบอกว่าพอใช้ถูกวิธีแล้ว ฟันสะอาดขึ้นมาก อาการเลือดออกตอนแปรงฟันหายไป กลิ่นปากก็ลดลงด้วย ถ้าคุณมีลูกที่บ้าน ต้องระวังให้เด็กไม่กดแรงเกินไปเหมือนกัน เพราะฟันเด็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่
อีกอย่างที่คุณต้องจำไว้คือ แปรงไฟฟ้าไม่ใช่ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ บางคนรู้สึกว่ามันเข้าไม่ถึงซอกฟันลึกๆ ถ้าคุณเจอแบบนี้ ลองใช้ควบคู่กับไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปากดู คุณจะได้ความสะอาดที่ครอบคลุมกว่าเดิม บางคนใช้แปรงไฟฟ้าตอนเช้าแล้วใช้แปรงธรรมดาตอนเย็น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรตกค้าง ถ้าคุณทำตามวิธีที่ถูกต้อง คุณอาจจะเห็นผลดีเหมือนคนที่ใช้มานานๆ อย่างไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องหินปูน หรือสุขภาพฟันดีจนหมอฟันต้องทักเลยทีเดียว
ซื้อที่ไหนและดูแลยังไงให้ใช้ได้นาน
คุณอาจจะอยากได้แปรงสีฟันไฟฟ้าดีๆ สักอัน แต่ถ้าจะซื้อ แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่น เช่น วันที่ 4/4 หรือวัน payday ในแอปช้อปปิ้งออนไลน์ คุณจะได้ราคาถูกกว่าปกติเยอะ บางคนซื้อ Oral-B Pro 2000 มาในราคาแค่ 700-900 บาทเท่านั้น ถ้าคุณอยากมั่นใจว่าได้ของแท้ ลองซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้อย่างร้าน Official หรือ LazMall คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของปลอม ถ้าคุณอยู่ต่างประเทศ เช่น อเมริกา ลองดูใน Amazon ก็ได้ บางรุ่นอย่าง iO Series 7 หรือ 10 อาจจะมีราคาดีกว่าไทยเยอะเลย
การดูแลรักษา
ส่วนการดูแล คุณต้องถอดหัวแปรงออกมาล้างทุกครั้งหลังใช้ แล้วตากไว้ในที่อากาศถ่ายเทดีๆ เพื่อป้องกันเชื้อราและคราบดำที่อาจจะเกิดขึ้น บางคนไม่เคยถอดเลยจนหัวแปรงขึ้นรา คุณควรเปลี่ยนหัวแปรงทุก 3 เดือนเพื่อให้มันทำงานได้ดีที่สุด ถ้าคุณทำตามนี้ ตัวด้ามแปรงของคุณอาจจะอยู่ได้นานหลายปีแล้วยังไม่พังเลย แค่ชาร์จบ่อยหน่อยตอนแบตเสื่อม คุณจะเห็นว่าการดูแลไม่ยาก แค่ใส่ใจนิดหน่อยก็ใช้ได้ยาวๆ แล้ว
แต่ก็มีคนที่เจอปัญหาเหมือนกัน คุณอาจจะได้ยินว่าบางคนใช้แล้วเหงือกร่น หรือคอฟันสึก เพราะกดแรงเกินไป คุณอาจจะเจอคราบดำที่หัวแปรงถ้าไม่ดูแลดี บางคนรู้สึกว่าแปรงไฟฟ้าไม่เหมาะกับฟันตัวเอง เลยกลับไปใช้แปรงธรรมดา คุณจะเห็นว่ามันขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ยังไง และมันเหมาะกับสภาพฟันของคุณหรือไม่ ถ้าคุณพร้อมลอง คุณอาจจะพบว่ามันเปลี่ยนสุขภาพช่องปากของคุณไปเลยก็ได้
ทำไมแปรงสีฟันไฟฟ้าถึงเริ่มได้รับความนิยมในไทย
แปรงสีฟันไฟฟ้าเริ่มเห็นบ่อยขึ้นในร้านค้าหรือโฆษณาออนไลน์ สาเหตุหนึ่งมาจากคนไทยเริ่มใส่ใจสุขภาพช่องปากมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อค่ารักษาฟันในคลินิกแพงขึ้นทุกวัน การป้องกันดีกว่าการรักษา และแปรงไฟฟ้าก็เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ อีกอย่างคือเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน ถ้าสมัยก่อนคุณอาจเห็นแค่คนที่ไปต่างประเทศซื้อกลับมาใช้ ตอนนี้ร้านค้าออนไลน์ในไทยมีตัวเลือกเยอะ คุณสามารถหาซื้อได้ตั้งแต่รุ่นถูกๆ ไปจนถึงรุ่นแพงๆ ที่มีฟังก์ชันครบครัน นอกจากนี้ การที่คนไทยเริ่มเห็นคนดังหรือหมอฟันแนะนำผ่านสื่อต่างๆ ก็ทำให้คุณอาจรู้สึกว่าแปรงไฟฟ้าไม่ใช่ของไกลตัวอีกต่อไป มันกลายเป็นเครื่องมือที่คนทั่วไปอยากลองใช้เพื่อดูแลฟันให้ดีขึ้น
แปรงสีฟันไฟฟ้าต่างจากแปรงธรรมดายังไง
จุดเด่นคือมันใช้มอเตอร์เล็กๆ ในการหมุนหรือสั่นหัวแปรง ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องออกแรงเยอะเหมือนตอนใช้แปรงธรรมดา แปรงธรรมดาคุณต้องขยับมือเองตลอดเวลา แต่แปรงไฟฟ้าแค่ถือไว้แล้วเลื่อนไปตามฟันก็พอ คุณจะเห็นว่าหัวแปรงของมันมักจะเล็กและออกแบบมาให้เข้าถึงจุดที่แปรงธรรมดาทำได้ยาก เช่น ร่องฟันด้านในปาก อีกอย่างคือบางรุ่นมีระบบตั้งเวลาหรือเตือนแรงกด ซึ่งแปรงธรรมดาไม่มี คุณอาจเคยแปรงนานเกินไปหรือกดแรงเกินโดยไม่รู้ตัว แต่แปรงไฟฟ้าจะช่วยควบคุมสิ่งเหล่านี้ให้คุณได้ แถมการสั่นหรือหมุนของมันยังช่วยขจัดคราบได้ดีกว่า ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้สึกมาก่อนถ้าใช้แค่แปรงธรรมดามาตลอด
หมอฟันมองแปรงสีฟันไฟฟ้าว่าอย่างไร
แล้วหมอฟันล่ะ คิดยังไงกับแปรงสีฟันไฟฟ้า จากที่หมอฟันหลายคนพูดถึง มักจะบอกว่ามันช่วยให้ฟันสะอาดกว่าการแปรงด้วยมือจริงๆ โดยเฉพาะถ้าคุณแปรงไม่ถูกวิธีมาตลอด คุณอาจเคยถูกหมอเตือนเรื่องคราบหินปูนหรือเหงือกอักเสบ ซึ่งแปรงไฟฟ้าสามารถลดปัญหาเหล่านี้ได้ดีกว่า เพราะมันทำงานสม่ำเสมอและทั่วถึง หมอบางคนแนะนำให้คุณใช้ควบคู่กับไหมขัดฟัน เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
แต่ก็มีหมอฟันบางคนที่ไม่แนะนำ โดยเฉพาะถ้าคุณมีฟันหรือเหงือกที่บอบบางมาก คุณอาจเคยได้ยินว่ามันอาจทำให้เหงือกร่นได้ถ้าใช้ไม่ระวัง หมอฟันมักจะบอกเสมอว่า สำคัญที่สุดคือวิธีใช้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือ คุณจะเห็นว่าความเห็นของหมอฟันขึ้นอยู่กับสภาพฟันของคุณด้วย ถ้าอยากรู้แน่ชัด ลองถามหมอฟันที่คุณไปหาประจำดู
เด็กใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าได้ไหม
ถ้ามีลูกเล็กๆ ที่บ้าน จะให้ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าได้หรือเปล่า จริงๆ แล้วเด็กอายุ 3-5 ขวบขึ้นไปใช้ได้ ถ้าคุณเลือกหัวแปรงที่นุ่มและเหมาะกับเด็ก จะพบว่ามันช่วยให้ฟันเด็กสะอาดขึ้นเยอะ โดยเฉพาะถ้าคุณเคยเห็นลูกแปรงแบบรีบๆ หรือไม่ทั่วถึง แปรงไฟฟ้าจะทำให้ไม่ต้องคอยจับมือลูกแปรงตลอด บางครอบครัวบอกว่ามันทำให้เด็กอยากแปรงฟันมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าน่าสนใจกว่าแปรงธรรมดา อาจลองเริ่มจากรุ่นที่ราคาไม่สูงมาก และสอนลูกให้ถือเบาๆ ไม่กดแรงเกินไป เพราะฟันเด็กยังบอบบางอยู่ คุณจะเห็นว่ามันเป็นวิธีที่ดีในการฝึกให้ลูกดูแลฟันตั้งแต่เด็ก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น